วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามมัคคี วัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย วันอาทิตย์ 16 ตุลาคม 2554


ขอ
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ประจำปี ๒๕๕๔
  ณ วัดห้วยน้ำทรัพย์ (พระธาตุวาโย)

ตำบลลาดกระทิง  อำเภอสนามชัยเขต  จังหวัดฉะเชิงเทรา

******************************
           ด้วยทางวัดห้วยน้ำทรัพย์ (พระธาตุวาโย)ได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ  เพื่อพระภิกษุสามเณรได้ทำสังฆกรรมทางพระวินัยและเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ประกอบพิธีทางศาสนา  แต่ยังขาดทุนทรัพย์เป็นจำนวนมาก จึงขอเจริญพรพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย  ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน
           ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่ทุกท่านได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถในครั้งนี้  จงเป็นพลวปัจจัยส่งผลให้ทุกท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญ  ในหน้าที่การงานตามความปรารถนาทุกประการเทอญ.
 
 

กำหนดการ

       วันอาทิตย์ที่   ๑๖  ตุลาคม  ๒๕๕๓     ( แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๑  )

                                        เวลา  ๑๐.๐๐ น.                       พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

                                        เวลา  ๑๑.๐๐ น.                       ถวายภัตตาหารเพล

                                        เวลา  ๑๒.๐๐ น.                      ขอเชิญร่วมรับประทานอาหาร

                                        เวลา  ๑๒.๒๙ น.                     ทำพิธีถวายผ้ากฐิน 

 

***  ญาติโยม พุทธศาสนิกชนมีจิตศรัทธาประสงค์ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ประสานทางธรรมได้กับ   พระครูใบฎีกาประวีณ  ฐานสัมปันโน เจ้าคณะตำบลลาดกระทิง เขต ๒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย (089-7491988 หรือ 089-0036926)

เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามมัคคี วัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553                             

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามมัคคี วัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ประจำปี ๒๕๕๓
  ณ วัดห้วยน้ำทรัพย์ (พระธาตุวาโย)

ตำบลลาดกระทิง  อำเภอสนามชัยเขต  จังหวัดฉะเชิงเทรา

******************************
           ด้วยทางวัดห้วยน้ำทรัพย์ (พระธาตุวาโย)ได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ  เพื่อพระภิกษุสามเณรได้ทำสังฆกรรมทางพระวินัยและเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ประกอบพิธีทางศาสนา  แต่ยังขาดทุนทรัพย์เป็นจำนวนมาก จึงขอเจริญพรพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย  ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน
           ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่ทุกท่านได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถในครั้งนี้  จงเป็นพลวปัจจัยส่งผลให้ทุกท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญ  ในหน้าที่การงานตามความปรารถนาทุกประการเทอญ.




กำหนดการ

       วันอาทิตย์ที่   ๓๑  ตุลาคม  ๒๕๕๓     ( แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑  )

                                        เวลา  ๑๐.๐๐ น.                       พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

                                        เวลา  ๑๑.๐๐ น.                       ถวายภัตตาหารเพล

                                        เวลา  ๑๒.๐๐ น.                      ขอเชิญร่วมรับประทานอาหาร

                                        เวลา  ๑๒.๒๙ น.                     ทำพิธีถวายผ้ากฐิน                                

 

 

***  ญาติโยม พุทธศาสนิกชนมีจิตศรัทธาประสงค์ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ประสานทางธรรมได้กับ   พระครูใบฎีกาประวีณ  ฐานสัมปันโน เจ้าคณะตำบลลาดกระทิง เขต ๒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย (089-7491988 หรือ 089-0036926)

ปิดทององค์พระปลดหนี้ (ร่ำรวยเงินทอง ร่ำรวยโชคลาภ)



หลวงพ่อปลดหนีเป็นพระพุทธรูปปางชนะมาร หรือมารวิชัย ประวัติดั้งเดิมไม่ปรากฎแน่ชัด แต่เมื่อครั้นเริ่มก่อสร้างวัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย เมื่อปี พ.ศ. 2528 หลวงพ่อปลดหนี้นี้ก็ได้ปรากฎมาแต่เดิมก่อนแล้ว ซึ่งพุทธคุณของหลวงพ่อปลดหนี้ มีดังนี้
- ปลดหนี้สิน
              - ทำมาหากินคล่องตัว
- ทำมาค้าขึ้น


พระมหาเจดีย์ พระธาตุวาโย



พระมหาเจดีย์ พระธาตุวาโย
พระมหาเจดีย์ พระธาตุวาโย เริ่มวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2532 สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2536 โดยมี
คุณแม่สุจิตรา  พานทอง และคณะศิษยานุศิษย์
โดยองค์พระมหาเจดีย์มีความสูง 39 เมตร ฐานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง กว้าง 20 เมตร เนื้อที่โดยรวมประมาณ 1 ไร่ งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 60 กว่าล้านบาท


ภายในประดิษฐานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ซึ่งตามประวัติพระพุทธเจ้าในภัทรกัปมีห้าพระองค์ดังนี้

1. พระกกุสันธพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสังไขยแสนกัป
ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์
เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา
พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร
บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน
พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ (160 กิโลเมตร)




2. พระโกนาคมพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป
ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์
เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 30,000 พรรษา
พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร
บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน
พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์



3. พระกัสสปพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป

ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์
เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 20,000 พรรษา
พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร
บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน
พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์


4. พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 4 องไขยแสนกัป
ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีก 24 พระองค์ ซึ่งน้อยมาก
เป็นปัญญาพุทธเจ้า อายุไขย 80 พรรษา
พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร
บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี
พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ (ซึงเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)



5. พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป
ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 477,029 พระองค์
เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา
พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร
บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน
พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้


ในชั้นที่สองของพระมหาเจดีย์ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปโดยรอบ และแกนกลางพระมหาเจดีย์ทั้งสี่ทิศ สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ รวมถึงอ่างเก็บน้ำลาดกระทิงได้อย่างสวยงาม


ชั้นที่สามซึ่งเป็นชั้นสูงสุดขององค์พระมหาเจดีย์ ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปโดยรอบ และสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ รวมถึงอ่างเก็บน้ำลาดกระทิงได้อย่างสวยงาม ในมุม 360 องศา
ซึ่งในชั้นสามนี้จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าสักการะบูชาในวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น

พระสงฆ์ วัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย และวัดใกล้เคียง ลงอุโบสถแสดงพระปาฏิโมกข์


พระสงฆ์วัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย และวัดใกล้เคียงร่วมลงอุโบสถ แสดงพระธรรมและสดับรับฟังพระปาฏิโมกข์ ในวันพระขึ้น 15 ค่ำ ดังนี้
1. วันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8/8 พระครูใบฎีกาประวีณ ฐานสัมปันโน ผู้แสดงฯ พระสงฆ์รวม 9 รูป
2.วันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 8/8 พระมหาเงิน มหาปัญโญ ผู้แสดงฯ พระสงฆ์รวม 72 รูป
3.วันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 พระมหาเงิน มหาปัญโญ ผู้แสดงฯ พระสงฆ์รวม 64 รูป
4. วันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 9 พระมหาเงิน มหาปัญโญ ผู้แสดงฯ พระสงฆ์รวม 72 รูป
5.วันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 พระมหาเงิน มหาปัญโญ ผู้แสดงฯ พระสงฆ์รวม 59 รูป
6. วันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 10 พระครูใบฎีกาประวีณ ฐานสัมปันโน ผู้แสดงฯ พระสงฆ์รวม 58 รูป


ภายหลังการแสดงและสดับรับฟังพระปาฏิโมกข์ วัดห้วยน้ำทรัพย์ พระวัดธาตุวาโย และญาติโยมผู้มีจิตเป็นบุญกุศล ได้ถวายเลี้ยงน้ำปานะพระสงฆ์ที่มาร่วมสังฆกรรมดังกล่าว

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

บูชาพระพิฆเนศ (เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ)


                              

1. การบูชาพระพิฆเณศนั้น นับเนื่องในอานิสงส์สำคัญหลายประการด้วย หากเป็นผู้ที่ศึกษาฮินดูแท้ๆ การบูชาพระพิฆเณศย่อมเป็นไปเพื่อการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดบรรลุธรรมตามหลักโมกษะนั่นแล ด้วยว่า พระพิฆเณศแท้ที่จริงย่อมเป็นพลังงานบริสุทธิ์ พลังแห่งปัญญาอันพิสุทธิ์ การเข้าถึงพระพิฆเณศในแง่แห่งความสูงสุดทางจิตวิญญาณจึงหมายถึง การชำระมลทินภายในจิตใจให้สิ้นไป คงเหลือแต่สภาพจิตที่บริสุทธิ์ เป็นจิตแท้ดังเดิม เพื่อก้าวไปสู่การรวมเป็นหนึ่งกับพระเป็นเจ้า

2. อานิสงส์ประการต่อมาคือ การบูชาพระพิฆเณศเพื่อปัญญาและการหยั่งรู้ พระพิฆเณศตามตำนานเป็นเทพแห่งปัญญาโดยชัดเจน จากเรื่องราวการเดินทางรอบโลกแข่งกันระหว่างพระพิฆเณศกับพระขันธกุมาร ทันทีที่พระอิศวรบัญชาว่าใครเดินทางรอบโลกครบ 7 รอบก่อนจะให้ผลมะม่วงแก่ผู้นั้น เมื่อพระขันธกุมารทรงนกยูงออกไปก่อน ในขณะที่พระพิฆเณศเลือกการทักษิณาวัตรพระอิศวรและพระอุมาซึ่งมีฐานะเป็นบิดามารดาของตนแล้วกล่าวตามเนื้อหาพระคัมภีร์ว่า ผู้ใดที่ทักษิณาวัตรบิดามารดาของตนเอง ย่อมเท่ากับผู้นั้นได้เวียนรอบโลก เพราะว่าคุณของบิดามารดายิ่งใหญ่กว่าแผ่นดิน นี่คือการชี้คุณลักษณะพิเศษของปัญญา

ไม่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น ปัญญาญาณของพระพิฆเณศยังกล่าวไว้ในเรื่องการเขียนมหาภารตะว่า พระฤๅษีวยาสเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวนี้แก่พระพิฆเนศขอให้เป็นผู้เขียน ในการเขียนนั้นพระพิฆเณศกล่าวว่าอย่าให้สะดุด ต้องบอกกล่าวทีเดียวให้จบ พระฤๅษีก็แก้ว่าย่อมได้ แต่ตนจะใช้โศลกที่เข้าใจยาก เป็นปรัชญาลึกซึ้ง ต้องตีความหมายก่อนเขียน และหากพระพิฆเนศไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้หยุดถาม ทั้งนี้ พระฤๅษีเองจะได้พักเหนื่อยด้วย แสดงว่าความสามารถในการเขียน การจำ ของพระพิฆเนศนั้นนับว่าเป็นยอด ด้วยเหตนี้ ผู้ที่นับถือพระพิฆเณศและหมั่นพิจารณา ในคุณข้อนี้ย่อมเป็นผู้ได้มาซึ่งปัญญาแห่งเทวะ ประกอบด้วยคุณความดี คึอ ความกตัญญูต่อบิดามารดา และจากเนื้อเรื่องที่กล่าวมา พระพิฆเนศยังถือว่าเป็นเทพแห่งการเขียนอ่าน ซึ่งก็คือปัญญา ดังนั้น นักเรียนนักศึกษาทั้งหลายจืงควรให้ความนับถือพระพิฆเณศเป็นพิเศษ

การนับถือพระพิฆเนศ เพื่ออานิสงค์เรื่องปัญญาความรู้นั้น ควรที่ต้องรับถือควบคู่กับ พระแม่สรัสวดี เทวีแห่งปัญญา พรหมจรรย์ และความบริสุทธิ์ ทั้งพระนางยังเป็นเทวีแห่งศิลปวิทยาการอีกด้วย การนับถือคตินี้ จะเห็นได้ชัดจากภาพมี 3 เทพประทับอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นไตรภาคีระหว่าง พระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวดี ผู้ใดประสงค์ความมีปัญญา ประกอบด้วยความสำเร็จ ความร่ำรวย ความฉลาด ก็หารูปภาพเหล่านี้มาบูชาเอาเถิด (ในลักษณะตรีเทวะ หรือ ไตรภาคี หรือ ตรีเอกานุภาพ เช่น พระตรีมูรติ ก็เป็นตรีเอกานุภาพ)

3. ถัดจากเรื่องปัญญา การบูชาพระพิฆเนศที่สำคัญที่สุดคือ อำนาจแห่งการขจัดอุปสรรค ดังที่กล่าวมา พระพิฆเนศคืออำนาจแห่งอุปสรรคและเป็นอำนาจแห่งการขจัดอุปสรรคด้วยในตัว ดังนั้น ผู้ที่บูชาพระองค์ย่อมทำกิจการงานราบรื่นหรือหากมีอุปสรรคอันใด พระองค์ท่านย่อมบำราศเสียซึ่งอุปสรรคนั้นๆ

4. เพื่อความอุดมสมบูรณ์ ด้วยว่าศีรษะช้างของพระพิฆเนศนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล ช้างหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ความยิ่งใหญ่ สิริมงคล ด้วยเหตุนี้ พระพิฆเณศจึงเป็นตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วย ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ในพระหัตถ์ของพระพิฆเนศนั้นมักถือขนมโมทกะอยู่ตลอดเวลา อันเป็นสื่อถึงอาหารการกินที่พร้อมเสมอ หมายความว่า พระองค์จะประทานความอิ่มหนำสำราญแก่ผู้บูชาพระองค์ ความอุดมสมบูรณ์จึงพึงบังเกิดแก่บุคคลนั้นไม่รู้สิ้น ชีวิตของผู้ที่มีพระองค์เป็นสรณะจะหอมหวานอยู่เสมอ

5. เป็นผู้ป้องกันภูติผีปีศาจและคุณไสยมนต์ดำทั้งปวง จากคติเรื่องพระพิฆเณศเป็นยมทูต เป็นเจ้าแห่งภูตผีปีศาจ ซึ่งคตินี้น่าจะรับจากการที่พระศิวะ ซึ่งอยู่ในฐานะบิดา ทรงมีภาคภูเตศวร และอีกประการหนุ่งทรงเป็นมหาโยคีที่อาศัยตามป่าช้าเพื่อปฏิบัติกรรมฐาน นั่งสมาธิเข้าฌานสมาบัติให้แก่กล้า และในภาคนี้ พระศิวะเองก็เป็นเจ้าแห่งภูติผี มีภูติผีทั้งหลายแวดล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งความตาย คุณสมบัติต่างๆ ของพระศิวะถูกถ่ายทอดสู่พระพิฆเนศผู้เป็นศิวะบุตร ด้วยเหตุนี้ พระพิฆเนศจึงทรงอำนาจยิ่งใหญ่ในโลกวิญญาณ โดยพระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งภูติผีปีศาจทั้งหมด ทรงเป็นใหญ่เหนือใครในโลกวิญญาณ ดวงวิญญาณทุกดวงย่อมอยู่ในอาณัติแห่งพระองค์ และผู้บูชาพระองค์ย่อมปลอดภัยจากการคุกคามของภูติผีปีศาจ ทั้งคุณไสยมนต์ดำทั้งปวง เพราะพระองค์คือผู้บริสุทธิ์ คือเจ้าแห่งอำนาจเหนือธรรมชาติ ดังนั้น ผู้อยู่ใต้บารมีของพระองค์ย่อมพ้นจากภัยทั้งหลายที่มองไม่เห็นเหล่านี้

6. อำนาจแห่งความเป็นที่รัก เนื่องจากพระพิฆเณศเป็นเทพที่บังเกิดจากพระแม่อุมาเทวี ในเบื้องต้นพระพิฆเณศย่อมเป็นที่รักแห่งนางที่สุด ภายหลังจากการต่อสู้กับพระศิวะด้วยควาเข้าใจผิดจนบานปลายทำให้ศีรษะพระพิฆเณศหลุดไป ยังความไม่พอใจแก่พระแม่อุมา ต่อเมื่อได้มีการต่อศีรษะใหม่และมีการขอขมาพระแม่อุมา ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทวยเทพทั้งหลายต่างมาประชุมพร้อมกัน พร้อมทั้งให้พรแก่พระพิฆเณศ พระพิฆเณศจึงเป็นที่รักของทวยเทพทั้งหลายในสากลจักรวาล พระพิฆเณศจึงเป็นผู้ประทานความเป็นที่รักแก่ผู้บูชาพระองค์อีกประการหนึ่งด้วย


ไหว้ศาลพญานาคา (พญานาคราชผู้ปกปักษ์รักษาพระธาตุวาโย)


ศาลพญานาคาไม่ปรากฎชัดเจนว่าก่อสร้างขึ้นในสมัยใด แต่ในสมัยที่ก่อตั้งวัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย ก็มีศาลพญานาคาปรากฎอยู่แล้ว ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นศาลของพญานาคราชผู้ปกปักษ์รักษาองค์พระธาตุวาโย ให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง

นมัสการพระสิวลี (ความเจริญรุ่งเรืองทางด้านโชคลาภ เงินทอง หน้าที่การงาน)


พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่น ๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ.ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต

นมัสการองค์พระนอน และสักการะคุณแม่สุจิตรา พานทอง ผู้เป็นเสาหลักในการก่อตั้งวัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย



พระนอน เริ่มก่อสรางเมื่อปี พ.ศ.2539 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2541 เป็นพระพุทธรูปนอนปางไสยาสน์ ความยาว 20 เมตร งบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 15 ล้านบาท



ประวัติโดยสังเขป ของ คุณแม่สุจิตรา พานทอง

คุณแม่สุจิตราฯ เกิดเมื่อวัน อังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2480 แรม 13 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู เป็นบุตรีของขุนพิชัยพยุหกรณ์ กับนางนิตย์ กนกนาค เกิดที่โรงพยาบาลวชิระ บ้านเดิมอยู่ที่โรงสีวัดไทรม้า ตำบลไทรม้า จังหวัดนนทบุรี
คุณแม่ฯได้ประพฤติตนเป็นอุบาสิกาที่ดีในพุทธศาสนาเสมอมา รักษาศีลประพฤติตนอยู่ในธรรม รวมทั้งเป็นผู้มีบุญาบารมี จึงได้พร้อมด้วยญาติโยมและพุทธศาสนิกชนทั้งหลายก่อตั้งวัดห้วยน้ำทรัพย์ พระธาตุวาโย พระมหาเจดีย์ หลวงพ่อใหญ่ประทานพร พระนอน ศาลสมเด็จพ่อแสนคำฟ้า และสิ่งสักการะบูชาอื่นๆ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ญาติโยมและพุทธศาสนิกชน มีศีลธรรมตั้งตนอยู่ในความดี จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2541 คุณแม่สุจิตราฯได้จากพวกเราไปอย่างสงบ


"เธอคือแม่โคที่กำลังนำฝูงโคข้ามฟาก กระแสธารนั้นไหลเชี่ยวน่ากลัวนัก หลายครั้งที่เท้าข้างหนึ่งของเธอขึ้นเหยียบฝั่ง แต่เธอก็ต้องโจนลงมาอีกเพื่อต้อนโคที่อ่อนกำลัง เจ็บป่วย ลูกโคที่หลงทาง โคที่ดื้อรั้น ให้ไปถึงฝั่งทุกตัว
ข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลยที่เธอจะขึ้นเหยียบฝั่งพระนิพพานเป็นตัวสุดท้าย
เพราะนั่นคือ งานของพระโพธิสัตว์โดยแท้ "

สักการะสมเด็จพ่อแสนคำฟ้า เจ้าผู้สร้างเมืองวาโยนาคนคร

ในสมัยแรกเมื่อวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ลุ พุทธศาสกาลล่วงได้ 266 พรรษา กาลียุคได้ 355 สมเด็จพ่อแสนคำฟ้าได้สร้างเมืองวาโยนาคนคร แล้วเสร็จ ณ สถานที่นี้ เป็นเมืองที่สวยงาม ไพร่ฟ้าประชาชนมีความสุขสมบูรณ์กันถ้วนหน้า
แต่ไม่ว่าอะไรที่ขึ้นสุด ก็ต้องลงสุดเป็นธรรมดา ต่อมาศาสนากาลได้ 336 พรรษา ตรงกับวันเสาร์ แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ เมืองวาโยนาคนครก็ถึงกาลสลายลงด้วยภัยธรรมชาติ
จนล่วงถึงเดือน มกราคม พ.ศ. 2528 สมเด็จพ่อแสนคำฟ้าได้บัญชาให้ลูกหลานสร้างเมืองต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกหลานจะอยู่ดีกินดี มีประโยชน์จากสถานที่นี้โดยสมบูรณ์ จวบจนถึงปัจจุบัน

นมัสการหลวงพ่อใหญ่ประทานพร





















หลวงพ่อใหญ่ประทานพรเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร โดยมีการวางศิลาฤกษ์ในปี
พ.ศ.2535 ซึ่งมีพระอริยสงฆ์เข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ นิมนต์พระสวดชะยันโต 109 รูป อาทิ หลวงปู่วงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เป็นต้น
สร้างแล้วเสร็จในปี 2537 องค์หลวงพ่อใหญ่ประทานพร สูง 29 เมตร หน้าตักกว้าง 20 เมตร ใช้งบประมาณในการสร้างประมาณ 15 ล้านบาท